เกิดเหตุชายชาวเมียนมา ถูกฆาตกรรมหั่นศพ ซึ่งพบผู้เสียชีวิตอยู่ย่านบางขุนเทียน โดยศูนย์วิทยุกรุงเทพ มูลนิธิปอเต็กตึ๊ง ได้รับแจ้ง ว่าพบศพผู้ชายถูกฆาตกรรม หั่นชำแหละเป็น 6 ชิ้น ยัดอยู่ในตู้แช่ฟิต ในซอยสะแกงาม 35/3 แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน เมื่อเจ้าหน้าที่ไปถึงพบว่า ผู้เสียชีวิตเป็นชาย ถูกสับเป็นชิ้น และถูกแช่ในตู้แช่หลายวัน โดยตู้นั้นอยู่บริเวณชั้น 3 ของอาคารหลังหนึ่งในซอย ต่อมาทราบว่าผู้เสียชีวิต ชื่อนาย อา เซ ไค อายุ 35 ปี ซึ่งผู้พบศพเป็นเพื่อนของผู้เสียชีวิต ที่เดินทางมาหาที่ตึกแถว เนื่องจากติดต่อผู้เสียชีวิตและนายหน้าไม่ได้
ในที่เกิดเหตุ พบหลักฐานมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเลื่อยไฟฟ้า มีดอีโต้ และอุปกรณ์แยกชิ้นส่วน ซึ่งผู้ที่พบศพของชายชาวเมียนมา เป็นเพื่อนแรงงานชาติเดียวกัน ก่อนหน้านี้มาด้วยกัน 5 คน และได้แยกไปทำงานแล้ว 4 คน ซึ่งยอมรับว่าตกใจกับสิ่งที่เห็น และสงสัยนายหน้า เจ้าของบริษัทที่ค้าแรงงานเป็นชาวอินเดีย เนื่องจากพบพิรุธหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการเข้าออกตึกแถวบ่อยในช่วงที่เกิดเหตุ และมีการล็อกกุญแจตึกแถวจากด้านนอก พร้อมทั้งซื้อตั๋วเครื่องบิน กลับประเทศอินเดียไปแล้ว จึงมั่นใจว่านายหน้าต้องมีส่วนเกี่ยวข้อง กับการฆาตกรรมชายชาวเมียนมาอย่างแน่นอน
เหตุสยองขวัญเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 21 มกราคม 2567 หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมตรวจสอบ พร้อมกับ สน. ท่าข้าม เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน แพทย์นิติเวช โรงพยาบาลศิริราช และอาสาสมัครมูลนิธิปอเต็กตึง เข้าตรวจสอบตึกแถว พบเป้ใส่เสื้อผ้า จำนวนหลายใบ ลักษณะตึกแถวเป็นห้องโล่ง บริเวณชั้น 3 แบ่งเป็น 2 ห้อง ซึ่งห้องฝั่งขวามือ พบตู้แช่ขนาด 5 คิว โดยสภาพของตู้มีสภาพใหม่เอี่ยม ตั้งอุณหภูมิเอาไว้ที่ 13 องศา ด้านในตรวจสอบพบชิ้นส่วนมนุษย์ 6 ชิ้น และบริเวณใกล้เคียงพบเลื่อยไฟฟ้า และมีอีโต้เปื้อนเลือด 2 เล่ม และพบคราบเลือดในห้องน้ำ คาดว่าเป็นจุดชำแหละศพ
กล้องวงจรปิดจับภาพ นายหน้าชาวอินเดีย เดินทางไปซื้อตู้แช่ใหม่ในช่วงก่อนที่จะพบศพ จึงเร่งประสานงานไปยังประเทศอินเดีย เพื่อขอตัวมาสอบสวน ส่วนปมฆาตกรรมเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตั้งไว้ 2 เรื่อง คือการทะเลาะวิวาท ระหว่างผู้เสียชีวิตกับนายหน้า เพราะพบร่องรอยการต่อสู้ ซึ่งอาจจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับรักร่วมเพศ หรือเป็นประเด็นเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายในการเข้าประเทศ ค่าดำเนินการเกี่ยวกับเอกสารต่าง ๆ เพราะจะมีค่าใช้จ่ายในการ เข้ามาทำงานหัวละ 15,000 บาท จะต้องติดตามต่อไป ว่าจะสามารถตามตัวนายหน้าชาวอินเดีย กลับมาสอบสวนได้หรือไม่ และสามารถคลี่คลายคดีนี้ไปในทิศทางใด และปมสังหารโหดคืออะไรต้องรอติดตาม
