
มีชายชาวจีนคนหนึ่งได้โพสต์ข้อความบนแพลตฟอร์ม Xiaohongshu ซึ่งเขาเล่าเรื่องการต่อสู้กับอาการป่วยของเขาตั้งแต่เป็นโรคหลอดเลือดสมองและการว่างงานในช่วงที่พักฟื้น ไปจนถึงการรักษาฟื้นฟูจนสามารถกลับมาทำงานได้ตามปกติ
ซึ่งเรื่องราวเริ่มต้นในช่วงเช้าวันที่ 7 มิถุนายน 2561 ตอนนั้นเขามีอายุ 31 ปี พบว่ามีอาการผิดปกติทางร่างกาย หลังจากตื่นนอนก็รู้สึกเป็นอัมพาตที่ใบหน้า แขนซ้ายและขาข้างซ้ายไม่สามารถควบคุมได้ มีอาการพูดไม่ชัด เขาจึงใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายรูปการแสดงออกทางสีหน้า พบว่าใบหน้าของเขาเป็นอัมพาตและไม่สามารถแสดงสีหน้าใดๆในบริเวณซีกซ้ายได้อย่างที่ต้องการ รู้สึกไม่สบายตัวและอ่อนแอทันที มีอาการที่เหนื่อยมากจนไม่สามารถลืมตาขึ้นได้ จึงทำให้เขาตัดสินใจเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ซึ่งแพทย์วินิจฉัยว่าเขาเป็นโรคหลอดเลือดสมองตีบและเป็นอัมพาตครึ่งซีก
ชายคนนี้อธิบายว่าโรคเลือดสมองตีบมีความเกี่ยวข้องกับนิสัยส่วนตัวของเขา โดยเขาพยายามทำทุกวิถีทางตั้งแต่ยังเด็กและใช้ชีวิตดิ้นรนมาโดยตลอด หลังจากเรียนจบก็รีบหางานทำทันที ซึ่งเขาทำงานมามากกว่า 10 ปี และในที่สุดเขาก็มีรายได้มากกว่า 50,000 หยวนต่อเดือน หรือประมาณ 253,000 บาท ได้สำเร็จตามที่เขาต้องการเอาไว้ อย่างไรก็ตามเมื่อเขาเข้าสู่วัยทำงานก็มีภาระงานที่หนักขึ้นเรื่อยๆ และเขาต้องทำงานในวันหยุดสุดสัปดาห์ และได้นอนเพียงแค่วันละ 4-5 ชั่วโมงเพียงเท่านั้น เขามีพฤติกรรมดังกล่าวมาประมาณ 5 ปีเต็ม จึงทำให้ในวันรุ่งขึ้นเขามีอาการป่วยจนโคม่า ซึ่งทำให้ต้องหยุดงานและลางานเพื่อรักษาตัวในระยะเวลาที่ยาวนานเลยทีเดียว ทำให้เขาเป็นผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองตีบทั้งๆที่อายุยังน้อยที่สุดในโรงพยาบาลแห่งนั้น







และการป่วยครั้งนี้ทำให้เขาสูญเสียความสามารถในการหารายได้ ต้องใช้เวลาในการบำบัดฟื้นฟูและรวมไปถึงมีการรักษาด้วยการฝังเข็ม ถือว่าทำให้เขาตกที่นั่งลำบาก เพราะจะต้องใช้เงินในการรักษาพยาบาลจำนวนมหาศาล และการป่วยในครั้งนี้ทำให้เขากลับมาเริ่มต้นใช้ชีวิตอีกครั้ง เรียนรู้ทางเดินใหม่ๆและค่อยๆปรับตัวในการทำงานให้เหมาะสมกับร่างกายและไม่ฝืนตนเองมากจนเกินไป ซึ่งระยะ 6 ปีให้หลังเขาก็มีร่างกายที่ค่อยๆฟื้นตัวแขนขาก็สามารถขยับได้ตามปกติ แถมยังทำให้เขากลับมาทำงานยังบริษัทแห่งเดิมได้อย่างที่ต้องการอีกด้วย